|
|
|
|
:: สถิติผู้เข้าชมเว็บไซต์ :: |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
เนื้องอกในมดลูก
|
มดลูกจัดเป็นอวัยวะที่สำคัญของร่างกายของสตรีเพศ มดลูกเป็นอวัยวะกลวงอยู่ที่บริเวณช่วงท้อง มีหน้าที่ผลิตไข่ซึ่งใช้ในการสืบพันธุ์ ผลิตฮอร์โมนเพศหญิง และหน้าที่อื่น ๆ มดลูกจึงเป็นอวัยวะที่สำคัญของเพศหญิง
เนื้องอก คือเนื้อเยื่อที่มีการเจริญเติบโตที่ผิดปกติ ซึ่งเนื้องอกนี้อาจจะเป็นเนื้องอกธรรมดา หรืออาจกลายเป็นเนื้อร้าย หรือมะเร็งได้ ดังนั้นอาการเนื้องอกในมดลูกจึงเป็นอาการที่ไม่ควรมองข้าม
|
|
|
อาการเนื้องอกในมดลูก เป็นอาการที่เนื้องอกเกิดขึ้นในมดลูก สามารถเกิดขึ้นกับสตรีได้ทุกวัย แต่โดยมากมักจะเกิดกับสตรีในช่วงวัยทอง และในสตรีวัยสูงอายุ สามารถเกิดได้ในทุกจุดของมดลูก และรังไข่ ส่วนใหญ่จะเกิดบริเวณอุ้งเชิงกรานมากที่สุด
อาการเนื้องอกในมดลูกเป็นอาการที่สร้างความลำบาก และความทรมานให้กับผู้หญิงเป็นอันมาก จากการสำรวจพบว่ามีผู้หญิงประมาณ 1 ใน 5 คน จะมีอาการเนื้องอกในมดลูก และมีผู้ป่วยไม่น้อยที่ปล่อยให้เกิดความผิดปกติจนต้องตัดมดลูก ซึ่งจะส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถผลิตฮอร์โมนเพศหญิงได้
โรคนี้เกิดขึ้นจากเซลล์กล้ามเนื้อของผนังมดลูกที่เจริญมากกว่าปกติ
จนกลายเป็นก้อนกลมอยู่ในผนังมดลูก
ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเนื้องอกชนิดนี้มักจะไม่เป็นเนื้อร้ายหรือมะเร็ง
แต่จะทำให้ปวดท้อง ประจำเดือนมามาก อาจปัสสาวะบ่อย ทำให้แท้งบุตร แต่ก็มีในผู้ป่วยบางรายที่เนื้องอกกลายเป็นเนื้อร้าย
|
|
|
อาการเนื้องอกในมดลูก มีอาการต่าง ๆ ดังนี้
1.มีอาการปวดท้องน้อย เนื่องจากเนื้องอกที่เกิดขึ้นในมดลูกมีผลให้ มดลูกเกิดความผิดปกติดังนั้นหากเนื้องอกมีขนาดใหญ่ขึ้นย่อมทำให้มดลูกเกิดความผิดปกติมากขึ้นทำให้เกิดอาการปวดมากขึ้น
2.อาการท้องผูก ในผู้ป่วยบางรายเนื้องอกที่เกิดขึ้นในมดลูก จะไปเบียดลำไส้ใหญ่ทำให้ลำไส้ใหญ่ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ทำให้ผู้ป่วยมีอาการถ่ายไม่สุด ถ่ายอุจจาระลำบาก
3.อาการตกขาวมากกว่าปกติ การมีเนื้องอกในมดลูกอาจมีผลให้การไหลเวียนของระบบมดลูกไม่ดีซึ่งอาจทำให้เกิดการตกค้างของของเสียในระบบมดลูก และระบบท่อรังไข่ได้ จึงอาจทำให้เกิดอาการตกขาวได้
4.ท้องใหญ่กว่าปกติ การที่มีเนื้องอกในมดลูก อาจจะทำให้มดลูกเกิดอาการบวมโต ซึ่งผลจากการบวมโตนี้จะทำให้ช่วงหน้าท้องบวมโตกว่าปกติ
5.ปวดขณะมีประจำเดือน เนื้องอกที่เกิดขึ้นในมดลูก อาจทำให้การไหลของประจำเดือนเกิดการติดขัด จนทำให้เกิดอาการปวดท้องขณะมีประจำเดือนได้
นอกจากนี้อาการเนื้องอกในมดลูก อาจทำให้เกิดอาการต่าง ๆ ดังนี้ เช่น
- ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะลำบาก เพราะเนื้องอกไปเบียดกระเพาะปัสสาวะ
- ปวดหลังส่วนล่าง มักเป็นลักษณะปวดถ่วงๆหนักๆตื้อๆหรืออาจปวดรุนแรงก็ได้
- ปวดขณะมีเพศสัมพันธ์
- มีบุตรยาก ท้องแล้วแท้งบุตร
- โลหิตจางจากการเสียเลือด |
|
|
ปัจจัยการเกิดเนื้องอกในมดลูก
1.เกิดจากพันธุกรรม พบว่าในกรณีที่คนในครอบครัวมีอาการเนื้องอกในมดลูก เช่น ป้า หรือมารดา มีโอกาสที่ลูก หรือหลาน จะมีอาการเนื้องอกในมดลูกได้
2.เกิดจากฮอร์โมนผิดปกติ ในผู้ป่วยบางรายสภาพฮอร์โมนเพศหญิงในร่างกายมีความผิดปกติ หรือมีความผันผวนทำให้ระบบมดลูก และรังไข่เกิดความผิดปกติจนเกิดอาการเนื้องอกในมดลูกได้
3.เกิดจากอาหาร เนื่องจากอาหารในยุคปัจจุบันบางชนิด จะมีการใช้สารเคมี สารเร่งการเจริญเติบโต สารเร่งเนื้อแดง และอื่น ๆ การที่ทานอาหารที่มีสารเหล่านี้เป็นเวลานานอาจมีผลให้เกิดเนื้องอกในมดลูก หรือเกิดความผิดปกติในมดลูกได้
4.อารมณ์ด้านลบต่าง ๆ เช่น อารมณ์โกรธ เครียด หงุดหงิด เศร้า จัดเป็นอารมณ์ที่ทำให้ระบบอวัยวะภายใน และระบบการหมุนเวียนของเลือดเกิดความผิดปกติ รวมถึงระบบมดลูก และรังไข่จนเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดเนื้องอกในมดลูกได้
|
|
|
เนื้องอกในมดลูกตามทฤษฎีแพทย์แผนจีน
1.การไหลเวียนของลมปราณติดขัดและเลือดคั่ง (气滞血瘀型)
อาการทางคลินิก : อาการสำคัญคือประจำเดือนมาก่อนกำหนดหรือหลังกำหนดไม่แน่นอน ปริมาณของประจำเดือนค่อนข้างปกติ บางคนประจำเดือนอาจมาในปริมาณที่ค่อนข้างมาก ปวดหน่วงๆแน่นๆบริเวณท้องน้อย ปวดแน่นตึงเต้านม
ลักษณะลิ้น : ลิ้นฝ้าขาวบางหรือมีจุดจ้ำเลือดที่ลิ้น
ลักษณะชีพจร : ชีพจรตึงฝืด
การตรวจตามแพทย์แผนปัจจุบัน : มดลูกใหญ่เล็กน้อย กดคลำแล้วอาจแข็ง อัลตราซาวด์พบเนื้องอกที่มีขนาดเล็ก
2.เลือดคั่งเป็นก้อน (瘀血蓄结型)
อาการทางคลินิก : อาการสำคัญคือ ประจำเดือนมามาก สีม่วงมีก้อนลิ่มเลือด ปวดท้องน้อยเหมือนเข็มแทงไม่ชอบให้กด
บางคนประจำเดือนมาติดต่อกันเป็นเวลานาน
ลักษณะลิ้น : ลิ้นมีสีม่วงคล้ำมีจุดจ้ำเลือด
ลักษณะชีพจร :ชีพจรจมฝืด
การตรวจตามแพทย์แผนปัจจุบัน : มดลูกเป็นเนื้อเดียวกันกับเนื้องอก หรือ
มดลูกกับเนื้องอกขยายใหญ่ไม่พอดีกัน เมื่อคลำดูจะรู้สึกเป็นก้อนแข็ง อาจจะคลำเจอก้อนเดียวหรือหลายก้อน
เมื่ออัลตราซาวด์จะพบก้อนขนาดใหญ่ชัดเจนหรือพบจำนวนหลายก้อน
3.ม้ามพร่อง เลือดคั่ง (脾虚血瘀型)
อาการทางคลินิก : อาการสำคัญคือ ประจำเดือนมามาก สีม่วงซีด ปวดหน่วงๆแน่นๆที่ท้องน้อย มึนศรีษะ ไม่มีแรง ไม่อยากอาหาร สีหน้าไร้ชีวิตชีวา บางคนมีอาการท้องเสียด้วย
ลักษณะลิ้น : ลิ้นอ้วนใหญ่มีจ้ำเลือด ฝ้าขาวบางหรือหนา
ลักษณะชีพจร : ชีพจรเล็กฝืด
|
|
|
การบำบัดรักษาทางแพทย์แผนจีน
1.ทานยาสมุนไพรจีนแคปซูลที่ผ่านกระบวนการผลิตที่ปลอดภัย ไร้สารตกค้าง ตามแต่ละอาการ เช่น
- อาการเนื้องอกในมดลูกตามกลุ่มอาการ การไหลเวียนของลมปราณติดขัดและเลือดคั่ง ทานยาสมุนไพรจีนที่มีสรรพคุณ เพิ่มการหมุนเวียนของลมปราณ สลายเลือดคั่ง สลายก้อน
- อาการเนื้องอกในมดลูกตามกลุ่มอาการเลือดคั่งเป็นก้อน ทานยาสมุนไพรจีนที่มีสรรพคุณ ปรับการไหลเวียนของเลือดสลายเลือดคั่ง ทำให้ก้อนนิ่มลงสลายก้อน
2.ฝังเข็มตามกลุ่มอาการ ทำการฝังเข็มปรับสมดุลร่างกายตามแต่ละกลุ่มอาการ เช่น
- อาการเนื้องอกในมดลูกตามกลุ่มอาการ ม้ามพร่อง เลือดคั่ง ทำการฝังเข็มตามจุดเส้นลมปราณที่มีสรรพคุณ บำรุงม้าม ดึงชี่ขึ้นบน ปรับการไหลเวียนเลือดสลายเลือดคั่ง
|
|
|
สมุนไพรบำรุงมดลูก
1.ตังกุย ในตำราแพทย์แผนจีน
ตังกุยมีสรรพคุณในเรื่องของการบำรุงเลือด มีวิตามินบี 12
และกรดโฟลิกในปริมาณมาก ช่วยลดความตึงเครียดระหว่างมีประจำเดือน
ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมน และช่วยให้ประจำเดือนมาเป็นปกติอีกด้วย
วิธีการทานใช้ตังกุย 4 - 5 แผ่นต้มเป็นน้ำแกงทาน
2.ใบตำลึง ในใบตำลึงมีแมกนีเซียม
และธาตุเหล็กเป็นจำนวนมาก ซึ่งธาตุทั้งสองชนิดนี้ช่วย บำรุงเลือด
และลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ จึงช่วยลดอาการปวดประจำเดือน และช่วยให้กล้ามเนื้อมดลูกขับเลือด และของเสียได้ดีขึ้น วิธีการทาน
ใช้ตำลึง 1 กำมือ ต้มเป็นน้ำแกงจืด หรือต้มเป็นชาดื่ม
3.ขิง ขิงเป็นพืชหัวที่มีฤทธิ์ร้อนช่วยในการขับลม
ปรับสมดุลธาตุ ให้ความอบอุ่น ทำให้เลือดลมไหลเวียนดีขึ้น
แต่ขิงมีฤทธิ์ร้อนจึงไม่เหมาะกับคนที่มีความร้อน (ร้อนใน) สูง วิธีการทาน
ใช้ขิง 4 - 5 แผ่นต้มน้ำร้อนดื่มเป็นชา
|
|
|
คำแนะนำจากแพทย์แผนจีน
1.งดการนอนดึกควรนอนระหว่างเวลา 22.00 - 05.00 น. เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนเต็มที่
2.ทำอารมณ์แจ่มใส ลดอารมณ์ด้านลบ เช่น ความเครียด กังวล โกรธ และอื่น ๆ เพื่อไม่ให้ร่างกายสร้างสารพิษเพิ่ม
3.ดื่มน้ำอุณหภูมิห้องวันละ 3 ลิตร เพื่อให้ร่างกายสามารถขับระบายของเสียได้ดียิ่งขึ้น
4.ทานผักผลไม้สดให้มากเพื่อให้ร่างกายมีสารอาหารเพียงพอ
5.หาหมอเป็นประจำเพื่อตรวจขนาดก้อนเนื้อ
|
|
|
|